นายวรวิทย์ บุณยเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 11 กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลัก ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ส่งผลให้การส่งน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้อยู่ในปริมาณที่จำกัด โดยจะเน้นเพื่อการอุปโภคบริโภค และการรักษาระบบนิเวศเป็นหลัก
สำหรับพื้นที่เขตอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธนี บริเวณตั้งแต่คลองระบายน้ำที่ 7 ไปจนถึงคลองระบายน้ำที่ 13 มีเกษตรกรที่ทำการเกษตรเพาะปลูกพืชสวนและไม้ยืนต้น พื้นที่เพาะปลูกประมาณ 80,000 ไร่ มีการสูบน้ำเข้าไปใช้ในการหล่อเลี้ยงพืชสวนและไม้ยืนต้นเป็นปริมาณมาก ทำให้ระดับน้ำในคลองชลประทานลดต่ำลงและแห้งขอด
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสวนทุเรียนของนายสุพจน์ ตันพิชัย พื้นที่หมู่ 7 ตำบลบึงกาสาม อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พบว่าสวนทุเรียนของนายสุพจน์ฯ รับน้ำจากคลองระบายน้ำที่ 9 ซึ่งสภาพปัจจุบันภายในร่องสวนทุเรียน ยังมีน้ำอยู่เต็มร่องสวน อีกทั้ง ระดับน้ำในคลองระบายน้ำที่ 9 ขณะนี้ยังมีปริมาณเพียงพอที่จะสูบไปใช้ได้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ จึงได้ชี้แจงสถานการณ์น้ำปัจจุบันให้เกษตรกรได้รับทราบ พร้อมขอความร่วมมือในการช่วยกันประหยัดน้ำด้วย
สำหรับแนวทางในการป้องกันการขาดแคลนน้ำให้กับเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชสวนและไม้ยืนต้น บริเวณคลองระบายน้ำที่ 9 อำเภอหนองเสือ นั้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ ได้ดำเนินการจัดรอบเวรการใช้น้ำและการส่งน้ำเข้าคลองระบายน้ำที่ 9 ปัจจุบันระดับน้ำในคลองสูงประมาณ 1.5 เมตร จากระดับท้องคลอง
นอกจากนี้ สำนักเครื่องจักรกล ยังได้จัดส่งรถขุดสะเทินน้ำสะเทินบก (Marsh Backhoe) เข้ามาดำเนินการขุดเปิดสันดอนดินและขุดร่องน้ำในคลองระบายน้ำที่ 9 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำและกักเก็บน้ำในคลอง เพื่อลดผลกระทบและป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากเกษตรกรหรือประชาชนต้องการความช่วยเหลือเรื่องน้ำ สามารถติดต่อได้โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ชลประทานบริการประชาชน