นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าล่าสุดนายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้โครงการชลประทานทั่วประเทศประเมินพื้นที่ชลประทานในความรับผิดชอบ เพื่อเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา พร้อมเดินหน้าให้ความช่วยเหลือเร่งเติมน้ำดิบผลิตประปา สร้างความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคจนถึงสิ้นฤดูแล้งนี้
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ทำการประเมินพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำดิบสำหรับสนับสนุนการผลิตน้ำประปา โดยศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ได้สั่งการไปยังศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะทั่วประเทศทำการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ อาทิ ในพื้นที่อีสานกลาง 5 จังหวัด (ขอนแก่น ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด) มีจำนวนแม่ข่ายของการประปาส่วนภูมิภาคทั้งหมด 22 สาขา 49 หน่วยบริการ 71 สถานีสูบน้ำดิบ ซึ่งใช้น้ำดิบในเขตชลประทาน 44 แห่ง และนอกเขตชลประทาน 27 แห่ง พบว่ามีการประปาฯ 2 สาขาที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาชุมแพ หน่วยบริการอำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น (นอกเขตชลประทาน) และการประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุวรรณภูมิ หน่วยบริการเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด (ในเขตชลประทาน)
โดยกรมชลประทาน ในส่วนสำนักงานชลประทานที่ 6 ได้ประเมินน้ำต้นทุนของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาชุมแพ หน่วยบริการ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น พบว่ามีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำดิบสูง จึงวางแนวทางแก้ไขปัญหาด้วยการปรับปรุงฝายกระสอบทรายชั่วคราวปิดกั้นลำน้ำพอง เพื่อยกระดับน้ำดิบบริเวณสถานีสูบน้ำดิบแรงต่ำ ปัจจุบันการประปาส่วนภูมิภาคฯ ได้ดำเนินการแล้ว ซึ่งในระยะต่อไปหากปริมาณน้ำดิบยังไม่เพียงพอ อาจจะต้องสูบน้ำหรือระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยลอมไผ่ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางของกรมชลประทาน ความจุ 5.6 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกัก 2.5 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 2.3 ล้าน ลบ.ม. โครงการชลประทานขอนแก่น ได้วางแผนสำรองน้ำไว้สนับสนุนน้ำดิบผลิตประปา ด้วยการระบายน้ำผ่านห้วยลอมไผ่ ไหลลงห้วยทรายขาว และลำน้ำพองท้ายสถานีสูบน้ำดิบตามลำดับ พร้อมกับก่อสร้างฝายทำนบชั่วคราวเก็บกักน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชน
ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาสุวรรณภูมิ หน่วยบริการเกษตรวิสัย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำดิบในระดับปานกลาง คาดว่าปริมาณน้ำดิบที่มีอยู่ในขณะนี้จะสามารถผลิตน้ำประปาได้ถึงวันที่ 6 ก.ค. 64 หากจะให้มีน้ำเพียงพอตลอดฤดูแล้ง (สิ้นสุด 31 ก.ค. 64) จะต้องใช้น้ำอีกประมาณ 60,000 ลบ.ม. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเสียวใหญ่ ได้ก่อสร้างทำนบดิน 2 จุด ให้เป็นแก้มลิง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง สูบน้ำเติมให้กับแก้มลิงดังกล่าว รวมไปถึงการขุดลอกแก้มลิงหนองอีดำ ที่อยู่บริเวณเหนือโรงสูบ เพื่อใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำดิบไว้ใช้ในการผลิตน้ำประปาต่อไป
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้กำหนดมาตรการการบริหารจัดการน้ำที่คุ้มค่า โดยเน้นการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด จัดทำแผนเผชิญเหตุและเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือไว้ให้พร้อมสำหรับการให้ความช่วยเหลือ รวมถึงลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนขอความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เพื่อให้มีน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอไปจนถึงสิ้นฤดูแล้งนี้